ภาพการแข่งขัน | วีดีโอคลิป
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 76,098 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 21.00 น. วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2550
ผู้ตัดสิน คริส ฟอย
แล้วแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สามารถกลับสู่เกมและเอาชนะแบล็คเบิร์น ได้อย่างท่วมท้นถึง 4 – 1 หลังจากที่ถูกยิงนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 29 โดยแมตต์ ดาร์บีเชียร์ หลังจากที่เนมานย่า วิดิช กองหลังของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 28 ทำให้แนวรับของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยังตั้งเกมไม่ได้ต้องเสียประตูแรก
แต่หลังจากที่บุกเพื่อพยายามจะเอาประตูคืนตลอดทั้งเกมพอล สโคลส์ ก็เป็นผู้ทำประตูตีเสมอให้กับทีม ตามด้วยประตูที่ 2 จากไมเคิล คาร์ริค ประตูที่ 3 จากพาร์ค จีซุง และปิดท้ายด้วยประตูที่ 4 จากโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในนาทีสุดท้ายของเกม
เริ่มเกมได้เพียง 1 นาทีทีมเยือนก็ได้ทักทายก่อนจากลูกยิงในระยะ 20 หลาของเดวิด ดันน์ แต่บอลก็ข้ามคานออกไป
ต่อมาในนาทีที่ 7 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ยิงบ้างจากระยะ 25 หลาจากฝั่งซ้าย แต่บอลก็หลุดออกนอกกรอบ
หลังจากนั้นอีก 8 นาที คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ได้ยิงอีกครั้งแต่ แบรด ฟรีเดล ผู้รักษาประตูแบล็คเบิร์น ก็ปัดออกมาได้ บอลมาเข้าทางเวย์น รูนี่ย์ ยิงซ้ำจากระยะ 12 หลาด้วยเท้าขวา แต่บอลก็ยังไปตรงตัวแบรด ฟรีเดล
ต่อมาในนาทีที่ 22 เวส บราวน์ ทำฟาวล์มอร์เท่น แกมส์ต พีเดอร์เซ่น ทำให้แบล็คเบิร์น ได้ลูกฟรีคิก และเดวิด ดันน์ รับหน้าที่เปิดฟรีคิกให้กับสตีเฟ่น วอร์น็อค โหม่งจากระยะ 6 หลาแต่เนมานย่า วิดิช ก็บล็อกไว้ได้ จากนั้นอีก 1 นาที เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้ยิงระยะ 6 หลาด้วยเท้าขวา แต่ก็ถูกแบรด ฟรีเดล ปัดออกมาได้
หลังจากนั้นในนาที 27 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องเปลี่ยนผู้เล่นเมื่อเนมานย่า วิดิช ที่ได้รับบาดหัวไหล่ไม่สามารถเล่นต่อได้ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องส่งจอห์น โอเชีย ลงมาเล่นแทน
แต่แล้วในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ยังต้องปรับตัวผู้เล่นในแนวรับแมตต์ ดาร์บีเชียร์ ก็ทำประตูให้แบล็คเบิร์น ขึ้นนำในนาทีที่ 29 จากลูกเปิดของมอร์เท่น แกมส์ต พีเดอร์เซ่น เข้ากลางแต่ไมเคิล คาร์ริค สกัดบอลไม่ขาด บอลกระดอนไปหน้าประตูและแมตต์ ดาร์บีเชียร์ วิ่งเข้าซ้ำด้วยเท้าขวาบอลเข้าประตูไป ทำให้แบล็คเบิร์น ขึ้นนำไปก่อน 0 – 1
หลังจากเสียประตูทีมปีศาจแดงก็พยายามบุกเพื่อที่จะตีเสมอให้ได้ ไรอัน กิ๊กส์ ได้เตะมุมจากฝั่งขวาไปให้กับเวส บราวน์ ได้โหม่งแต่บอลก็ลอยข้ามคานออกไป ตามด้วยลูกยิงจากระยะ 12 หลาของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ก็ถูกบล็อกไว้ได้โดยคริสโตเฟอร์ แซมบ้า
แมนฯ ยูไนเต็ดโหมบุกตลอดครึ่งแรกและมีโอกาสทำประตูบ่อยครั้ง แต่ก็ยังทำประตูไม่ได้ ทั้งลูกโหม่งของกาเบรียล ไฮน์เซ่ ที่หลุดออกนอกกรอบไป ตามด้วยลูกโหม่งของไรอัน กิ๊กส์ และลูกวอลเล่ย์ของพอล สโคลส์ ที่ถูกบล็อกไว้ได้โดยตูกาย
ในครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงบุกอย่างต่อเนื่องเพื่อทวงประตูคืน แต่ก็ยังยิงไม่เข้าทำให้นักเตะหลายคนเริ่มหงุดหงิด รวมทั้งริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งถึงขั้นเตะป้ายโฆษณาข้างสนาม
แต่แล้วนักเตะปีศาจแดงก็หงุดหงิดได้ไม่นาน ในนาทีที่ 61 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตีเสมอได้เมื่อสโคลส์ ลากบอลผ่านแนวรับแบล็คเบิร์น เข้าไปในกรอบเขตโทษและยิงผ่านมือฟรีเดล เข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนฯ ยูไนเต็ด ตีเสมอได้เป็น 1 – 1
อีก 7 นาทีถัดมากิ๊กส์ ก็มีโอกาสงามๆ ที่จะทำประตูให้ทีมขึ้นนำ แต่ลูกยิงโล่งๆ จากระยะเพียง 8 หลาของเขาก็ชนคานอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นนาทีที่ 73 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำเมื่อโรนัลโด้ เปิดบอลจากคนละฝั่งของประตูให้กับไมเคิล คาร์ริค ได้ยิงบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 – 1
เมื่อได้ประตูที่ 1 และประตูที่ 2 ก็ทำให้เกมเริ่มเข้าทางแมนฯ ยูไนเต็ด และก็ไม่ยากที่ประตูที่ 3 และ 4 จะตามมา เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกฟรีคิกในนาทีที่ 82 และโรนัลโด้รับหน้าที่ยิงฟรีคิกฟรีเดล ปัดบอลมาเข้าทางพาร์ค จีซุง ยิงซ้ำเข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นเป็น 3 – 1
จากนั้นเซอร์ อเล็กซ์ ก็เปลี่ยนตัว 2 ผู้เล่นโดยส่งโซลชาร์ และสมิธ ลงเล่นแทนโรนัลโด้ และกิ๊กส์ ในนาทีที่ 84 และนั่นก็เป็นโอกาสให้โซลชาร์ ได้แสดงให้แฟนปีศาจแดงเห็นว่าเขายังคงเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้เสมอที่ลงเล่นเป็นตัวสำรอง เมื่อในนาทีสุดท้ายของเกม พาร์คได้เปิดบอลเข้ากลาง บอลผ่านรูนี่ย์ไปเข้าเท้าโซลชาร์ ยิงผ่านมือฟรีเดล ไปอย่างสบายๆ ทำให้จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาเอาชนะแบล็คเบิร์น ได้ 4 – 1 เก็บ 3 แต้มและยังคงรักษาคะแนนที่ห่างเชลซี อยู่ 6 แต้มไว้ได้ต่อไป (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
เนมานย่า วิดิช 15
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4 ( น. 46)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
ไมเคิล คาร์ริค 16 ( น. 73)
พอล สโคลส์ 18 ( น. 61)
ไรอัน กิ๊กส์ 11
พาร์ค จีซุง 13 ( น. 83)
เวย์น รูนี่ย์ 8
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
จอห์น โอเชีย 22 น. 28 เนมานย่า วิดิช 15
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
อลัน สมิธ 14 น. 84 ไรอัน กิ๊กส์ 11
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 20 ( น. 90) น. 84 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
แบรด ฟรีเดล 1
คริสโตเฟอร์ แซมบ้า 21
ไรอัน เนลเซ่น 6
สตีเฟ่น วอร์น็อค 22
แอรอน โมโกเอน่า 15
เบรตต์ เอเมอร์ตัน 7 ( น. 88)
เดวิด ดันน์ 19 ( น. 44)
ตูกาย 5
มอร์เท่น แกมส์ต พีเดอร์เซ่น 12 ( น. 71)
แมตต์ ดาร์บีเชียร์ 27 ( น. 29)
เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ 10
สำรอง
ปีเตอร์ อังเคิลแมน 13
สเตฟาน อองโชซ์ 16
เซอร์จิโอ ปีเตอร์ 31 น. 74 ตูกาย 5
ชาบานี่ นงด้า 9
เจสัน โรเบิร์ตส 30 น. 69 เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ 10
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 4, ยิงตรงกรอบ 11, ยิงหลุดกรอบ 9, โดนบล็อค 7, เตะมุม 8, ฟาวล์ 7, ล้ำหน้า 5, ใบเหลือง 1, การครองบอล 53%
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ประตู 1, ยิงตรงกรอบ 2, ยิงหลุดกรอบ 3, โดนบล็อค 1, เตะมุม 1, ฟาวล์ 13, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 3, การครองบอล 47%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 5, เวส บราวน์ 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, เนมานย่า วิดิช 6, กาเบรียล ไฮน์เซ่ 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 8, ไมเคิล คาร์ริค 7, พอล สโคลส์ 9, ไรอัน กิ๊กส์ 6, พาร์ค จีซุง 7, เวย์น รูนี่ย์ 5, จอห์น โอเชีย (สำรอง) 6, อลัน สมิธ (สำรอง) 6, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ (สำรอง) 7
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แบรด ฟรีเดล 8, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า 7, ไรอัน เนลเซ่น 6, สตีเฟ่น วอร์น็อค 5, แอรอน โมโกเอน่า 6, เบรตต์ เอเมอร์ตัน 5, เดวิด ดันน์ 5, ตูกาย 6, มอร์เท่น แกมส์ต พีเดอร์เซ่น 6, แมตต์ ดาร์บีเชียร์ 7, เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ 5, เซอร์จิโอ ปีเตอร์ (สำรอง) 6, เจสัน โรเบิร์ตส (สำรอง) 6
Por